หน้าเว็บ

วันเสาร์ที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2556

ยอดนักสืบจิ๋วโคนัน 名探偵コナン



ยอดนักสืบจิ๋วโคนัน (  Meitantei Conan ?) เป็นการ์ตูนญี่ปุ่นเรื่องยาวแนวสืบสวนสอบสวน เรื่องและภาพโดย อาโอยาม่า โกโช ซึ่งตีพิมพ์บนนิตยสารรายสัปดาห์โชเน็งซันเดย์ โคนันได้ถูกตีพิมพ์ในหลายภาษา นอกจากภาษาญี่ปุ่นต้นฉบับแล้ว ยังมีภาษาจีน, ฝรั่งเศส, อินโดนิเซีย, อังกฤษ, ฟินแลนด์, เยอรมัน, อิตาลี, มาเลเซีย, เกาหลี, สเปน, สวีเดน, นอร์เวย์, สิงคโปร์, ไทย, ฮ่องกง, เวียดนาม, สหรัฐฯ, แคนาดาและไต้หวัน รวมทั้งสิ้น 19 ประเทศ นอกจากนี้ ยอดนักสืบจิ๋วโคนัน ยังได้มีการนำมาทำเป็นการ์ตูนโทรทัศน์, การ์ตูนภาพยนตร์, และไลฟ์ แอ็คชั่น ซี่รี่ส์ อีกด้วย




นักเรียนมัธยมปลายวัย 17 ปีคนหนึ่ง ชื่อคุโด้ ชินอิจิ มีทักษะพิเศษในการไขคดีจนมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วญี่ปุ่น จนได้รับขนานนามว่า เชอร์ล็อก โฮล์มส์แห่งยุคเฮเซ วันหนึ่งเขาได้ไปเที่ยวกับเพื่อนสมัยเด็กที่ชื่อ โมริ รัน ที่สวนสนุกทรอปิคอลแลนด์ และได้ไขคดีการฆาตกรรมบนรถไฟเหาะ ระหว่างทางกลับบ้าน ชินอิจิได้ไปเห็นชายสวมชุดดำ วอดก้ากำลังเจรจาแลกของต้องสงสัย แต่หารู้ไม่ว่ามีชายชุดดำอีกคน ยืน แอบอยู่ด้านหลังอยู่ ชินอิจิจึงถูกตีหัวและถูกจับกรอกยาพิษที่องค์กรของพวกเขาสร้างขึ้นทำให้ร่างกายของเขาหดเล็กลงกลายเป็นเด็กแทน และเพื่อจะสืบหาความจริงว่าคนพวกนั้นเป็นใคร และหายาแก้พิษเพื่อที่จะกลับคืนร่างเดิมอีกครั้ง ชินอิจิจึงกลับไปที่บ้านและไปปรึกษากับดร.อากาสะ ฮิโรชิ นักวิทยาศาสตร์ที่อาศัยอยู่ใกล้บ้านของชินอิจิ หลังจากที่รันกลับจากสวนสนุกทรอปิคอลแลนด์ ก็รีบมาหาชินอิจิที่บ้าน แต่ได้พบกับชินอิจิในร่างเด็กกับดร.อากาสะในห้องหนังสือ เมื่อรันถามชื่อชินอิจิ ชินอิจิจึงตอบไปว่า เอโดงาวะ โคนัน ดร.อากาสะจึงแนะนำให้ชินอิจิไปอาศัยอยู่ที่สำนักงานนักสืบโมริ สำนักงานของโมริ โคโกโร่ พ่อของรันนั่นเอง เพื่อว่าจะมีข่าวคราวใดเกี่ยวกับพวกชายชุดดำ ที่พ่อของรันที่มีอาชีพเป็นนักสืบ โดยที่ไม่บอกความจริงกับใครว่าตนคือคุโด้ ชินอิจิ


เพื่อต้องการหาข่าวคราวของพวกชายชุดดำ โคนันจึงต้องให้โคโกโร่มีชื่อเสียงโด่งดัง ซึ่งจะทำให้มีผู้จ้างวานไปสืบคดีมากขึ้น และจะทำให้มีโอกาสที่จะได้เบาะแสขององค์กรชุดดำมากขึ้นเช่นกัน โดยใช้อุปกรณ์หลักๆ 2 อย่างคือ นาฬิกายิงยาสลบ ยิงให้โคโกโร่สลบ และ หูกระต่ายเปลี่ยนเสียง เพื่อเปลี่ยนเสียงเป็นเสียงโคโกโร่แล้วคลี่คลายคดีแทน จึงทำให้เกิดฉายาว่า โคโกโร่นิทรา ขึ้นเพราะเวลาคลี่คลายคดีจะเหมือนกำลังนอนหลับอยู่นั่นเอง




ชินอิจิเมื่ออยู่ในร่างของเด็กจึงต้องกลับไปเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ที่โรงเรียนประถมเทตันใหม่อีกครั้ง และได้รู้จักกับ โยชิดะ อายูมิ, ซึบุรายะ มิซึฮิโกะ, และโคจิมะ เก็นตะเพื่อนร่วมชั้นแล้วได้ก่อตั้งขบวนการนักสืบเยาวชนขึ้นมา


การสืบหาองค์กรชุดดำและยาแก้พิษของโคนันก็ได้ดำเรื่อยมา ได้เกิดคดีต่างๆ และค้นพบบุคคลสำคัญต่างๆที่เกี่ยวข้องกับพวกชายชุดดำ หรือองค์กรชุดดำมากขึ้น ไฮบาระ ไอหรือ มิยาโนะ ชิโฮ ผู้ประดิษฐ์คิดค้นยา APTX4869 เธอได้ทรยศองค์กร เพราะว่ายิน ได้สังหารพี่สาวของเธอ มิยาโนะ อาเคมิโดยไม่ให้คำอธิบายต่อเธอ เธอจึงถูกควบคุมตัวแล้วขังในห้องก๊าซเพื่อรอคำสั่งประหารชีวิตเท่านั้น เธอคิดว่ายังไรก็คงตายจึงกรอกยาที่เธอประดิษฐ์ขึ้น APTX4869 แล้วกลับเป็นเด็กแล้วออกมาจากช่องทิ้งขยะในห้องขัง แล้วได้มาอยู่บ้านของดร.อากาสะ เพื่อคิดค้นยาถอนพิษของ APTX4869


โคนันได้ทำความรู้จักกับพนักงานสืบสวน FBI ได้แก่ โจดี้ สตาร์ลิ่ง, อากาอิ ชูอิจิ, และเจมส์ แบล็ค ซึ่งมีจุดประสงค์สืบสวนเกี่ยวกับองค์กรชุดดำ โคนันยอดนักสืบ ได้เผชิญซึ่งๆหน้ากับ คริส วินยาร์ด หรือเบลม็อท หนึ่งในสมาชิกขององค์กรชุดดำ โคนันหวังว่าจะเป็นไปตามแผนที่จะจับคริส วินยาร์ดให้กับตำรวจ แต่ไม่เป็นผลสำเร็จ โดยหลังจากเหตุการณ์ดังกล่าวโคนันได้เบาะแสว่า เพลงนานาซึโนะโกะ (ลูกทั้ง 7) เป็นหมายเลขติดต่อถึงหัวหน้าขององค์กรชุดดำได้ แต่ไฮบาระออกมาเตือน และบอกว่า เป็นกล่องของแพนโดร่าที่จะเปิดออกมาไม่ได้


โอกิโนะ โยโกะ นักร้องสาวชื่อดังได้วานให้โคโกโรช่วยเพื่อนของเธอ มิซึนาชิ เรย์นะ ผู้ประกาศข่าวประจำสถานีโทรทัศน์นิจิอุริ แต่โคนันทราบว่าเธอเป็นหนึ่งในสมาชิกขององค์กรชุดดำ เนื่องด้วยเธอส่งเมล์ถึงใครบางคน ซึ่งหมายเลขติดต่อเป็นเพลงนานาซึโนะโกะ โคนันจึงตามเธอไปและสามารถจับเธอมาได้ แต่เธออยู่ในอาการโคม่าไม่ได้สติ พนักงานสืบสวน FBI และโคนันได้ดูแลเธอ และได้ล่วงรู้ว่าเธอเป็นพนักงานสืบสวน CIA อากาอิ ชูอิจิ และ โคนันจึงวางแผนร่วมกันที่จะส่งเธอกลับไปยังองค์กร แต่เนื่องด้วยยีนสงสัยว่าอากาอิ ชูอิจิ จะเป็นผู้อยู่เบื้องหลังในการส่งตัวมิซึนาชิ เรย์นะกลับมายังในองค์กร ยีนจึงสั่งให้มิซึนาชิ เรย์นะเรียกอากาอิ ชูอิจิออกมา และเก็บเสีย หลังจากเหตุการณ์ดังกล่าว โจดี้ สตาร์ลิ่ง ได้เห็นคนรูปร่างคล้ายอากาอิ ชูอิจิที่มีแผลไฟลวกบนใบหน้า จึงคิดว่าอากาอิยังไม่ตายในคดีปล้นธนาคาร แต่แท้ที่จริงแล้ว อากาอิ ชูอิจิที่มีแผลไฟลวกบนหน้าคือเบลม็อทกับเบอร์บอนซึ่งเป็นสมาชิกขององค์กรชุดดำช่วยกันปลอมตัว ซึ่งเบลม็อทปลอมเสียงได้ แต่เบอร์บอนจะปลอมเสียงไม่ได้ เบอร์บอนปลอมตัวเป็นอากาอิ ชูอิจิที่มีแผลเป็นในคดีปล้นธนาคารและคดีวางระเบิด ส่วนเบลม็อทปลอมตัวตอนคดีมิสทรี่เทรน และอากาอิ ชูอิจิตัวจริงคือโอกิยะ สึบารุซึ่งปัจจุบันอาศัยอยู่ที่บ้านของชินอิจิ




ยอดนักสืบจิ๋วโคนันฉบับหนังสือการ์ตูน


หน้าปกของเล่มที่ 1 ที่พิมพ์โดยโชงะกุกัง
ข้อมูลเพิ่มเติมที่ รายชื่อตอนในยอดนักสืบจิ๋วโคนัน (มังงะ)
ในปี พ.ศ. 2537 ตลาดหนังสือการ์ตูนญี่ปุ่นได้มีการปรากฏการ์ตูนแนวสืบสวนมากขึ้น หลังจากการตีพิมพ์การ์ตูนเรื่องคินดะอิจิยอดนักสืบ อาจารย์อาโอยาม่า โกโชเริ่มที่จะวาดตัวการ์ตูนเรื่องยอดนักสืบจิ๋วโคนันในช่วงนี้ ผลงานบทแรกของเขาได้ปรากฏในนิตยสารการ์ตูนรายสัปดาห์โชงะกุกังโชเน็งซันเดย์ ในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ปีเดียวกัน อาจารย์อาโอยาม่า โกโชได้นำเค้าโครงเรื่องมากจากเรื่อง อาร์แซน ลูแปง, เชอร์ล็อก โฮล์มส์, และหนังซามูไรของ อากิระ คุโรซาวา อาจารย์อาโอยาม่า โกโชเคยบอกไว้ว่าอาจารย์จะใช้เวลาเฉลี่ยในการคิดคดีใหม่ๆในการ์ตูนราว 4 ชั่วโมง ถ้าคดีไหนยิ่งซับซ้อนมากก็จะใช้เวลามากกว่า 12 ชั่วโมง คดีทุกคดีจะประกอบด้วยหลายๆบท และจะถูกคลี่คลายในตอนจบทุกครั้งโดยตัวละครจะอธิบายในรูปแบบง่ายๆ อาจารย์อาโอยาม่า โกโชยังคงใช้ภาษาง่ายๆให้ผู้อ่านได้ติดตามผลงานของเรื่องไปเรื่อยๆ
ยอดนักสืบจิ๋วโคนันได้กลายเป็นหนังสือการ์ตูนเรื่องยาวที่มีมากกว่า 700 บท โดยทุกๆบทได้ถูกรวบรวมโดยโชงะกุกัง โดยเล่มแรกได้ออกวางจำหน่ายเมื่อวันที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2537 และผู้ช่วยของอาจารย์อาโอยาม่า โกโช ก็ได้เขียนและจัดพิมพ์โคนันแบบ Side Story จำนวน 36 เล่มแล้วด้วยกัน
ยอดนักสืบจิ๋วโคนันได้ขอลิขสิทธิ์ในการตีพิมพ์ไปทั่วโลกเช่น จีน ฝรั่งเศส เยอรมนี อินโดนีเซีย ฟินแลนด์ และไทย โดยในสหรัฐอมเริกาได้ถูกตีพิมพ์โดยวีซ มีเดีย โดยได้ใช้ชื่อเรื่องว่า "Case Closed"



ยอดนักสืบจิ๋วโคนันฉบับการ์ตูนภาพยนตร์ (โคนัน เดอะมูฟวี่)


ยอดนักสืบจิ๋วโคนันฉบับการ์ตูนภาพยนตร์มีจำนวนตอนทั้งหมด 16 ตอนด้วยกัน โดยถูกควบคุมการผลิต และผลิตโดย ทีเอ็มเอสเอ็นเตอร์เทนเมนต์, โยมิอุริ เทเลแคสติ้ง คอปอเรชั่น, สถานีโทรทัศน์นิปปอน, โชโปร, บริษัท โตโฮ จำกัด โดยยอดนักสืบจิ๋วโคนันฉบับการ์ตูนภาพยนตร์7ตอนแรกกำกับโดย โคดามะ เคนจิ, และตอนที่8 กำกับโดย ยามาโมโตะ ยาสุอิจิโร่ ยอดนักสืบจิ๋วโคนันฉบับการ์ตูนภาพยนตร์จะถูกฉายในเดือน เมษายนของทุกๆปี โดยชุดแรกถูกฉายในปี พ.ศ. 2540 คดีปริศนาระเบิดระฟ้า จนกระทั่งมาถึงยอดนักสืบจิ๋วโคนันฉบับการ์ตูนภาพยนตร์ตอนที่ 16 ในปี พ.ศ. 2555 จะถูกฉายในโรงภาพยนตร์ของประเทศญี่ปุ่นในวันที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2555



ยอดนักสืบจิ๋วโคนันฉบับคนแสดง (โคนัน ภาคคนแสดง)



ในปี พ.ศ. 2549 ยอดนักสืบจิ๋วโคนันได้เฉลิมฉลองครบรอบ 10 ปี จึงมีการจัดทำ ยอดนักสืบจิ๋วโคนันฉบับคนแสดง หรือ โคนัน ภาคคนแสดงขึ้น ในชื่อ จดหมายท้าทายถึงคุโด้ ชินอิจิ บทนำก่อนอำลา ซึ่งควบคุมการผลิตโดย โยมิอุริ เทเลแคสติ้ง คอปอเรชั่น โดยนำนักแสดงชื่อดังมาเป็นตัวละครในเรื่องเช่น โอกุริ ชุน รับแสดงเป็น คุโด้ ชินอิจิ เป็นต้น และยังได้มีการจัดทำยอดนักสืบโคนันฉบับคนแสดงภาค 2 อีกด้วย ในชื่อ เผชิญหน้าองค์กรชุดดำ


เนื่องในโอกาสเฉลิมฉลองครบรอบ 15 ปีของยอดนักสืบจิ๋วโคนัน เมื่อวันที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2554 สถานีโทรทัศน์โยมิอุริ ประเทศญี่ปุ่นได้มีการออกอากาศยอดนักสืบจิ๋วโคนันฉบับคนแสดงภาคที่ 3 ในชื่อ ชินอิจิปะทะปริศนาวิหคมรณะ โดยมีการนำเค้าโครงเรื่องมาจากยอดนักสืบจิ๋วโคนันฉบับนิยาย โดยมีการเปลี่ยนรายนามนักแสดงไปหลายตัวละครด้วยกันจากสองภาคแรกเช่น มิโซบาตะ จุนเปย์ แสดงเป็น คุโด้ ชินอิจิ, คุซึนะ ชิโอริ แสดงเป็น โมริ รันยอดนักสืบจิ๋วโคนันฉบับละครชุด (ไลฟ์ แอ็คชั่น ซีรีส์)



ยอดนักสืบจิ๋วโคนันฉบับละครชุด (ไลฟ์ แอ็คชั่น ซีรีส์)
เนื่องในโอกาสเฉลิมฉลองครบรอบ 15 ปีของยอดนักสืบจิ๋วโคนัน สถานีโทรทัศน์โยมิอุริ ได้ร่วมกันจัดทำละครชุด (ซีรีส์) ขึ้นชื่อว่า "13 ห้องแห่งความตาย" (工藤新一への挑戦状 ) เริ่มออกอากาศตอนแรกเมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2554 นำแสดงโดย มิโซบาตะ จุนเปย์ แสดงเป็น คุโด้ ชินอิจิ, คุซึนะ ชิโอริ แสดงเป็น โมริ รัน, จินไน ทาคาโนริ แสดงเป็น โมริ โคโกโร่


การปรากฏตัวของโคนันในสื่ออื่น


ยอดนักสืบจิ๋วโคนัน นอกจากจะปรากฏในภาพยนตร์การ์ตูนของตนเองแล้ว เอโดงาวะ โคนันยังมีการปรากฏตามการ์ตูนภาพยนตร์, ละครโทรทัศน์, ละครภาพยนตร์ และวิดีโอเกมอื่นๆอีกด้วย เช่นภาพยนตร์การ์ตูนเรื่อง แชมเปี้ยนขนมปัง สูตรดังเขย่าโลก ตอนที่ 48, แบล็คแคท ตอนที่ 13 และ 14, เทพอสูรจิ้งจอกเงิน ตอนที่ 128, ฮายาเตะ พ่อบ้านประจัญบาน ตอนที่ 30, ละครโทรทัศน์ย้อนเวลาไปหารัก ตอนที่ 10, Sonic X หรือ เจ้าเม่นสายฟ้า, และ สมองกลนักสู้ ตอนที่ 22 และ กินทามะ ปี 1 ตอนที่ 31











ขอบคุณ เนื้อเรื่อง จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

วันเสาร์ที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2556

ナルト นินจาจอมคาถา นารูโตะ


นินจานารูโตะ หรือ นารูโตะ นินจาจอมคาถา หรือ นารุโตะ (ญี่ปุ่น: ナルト Naruto ?) เป็น การ์ตูนญี่ปุ่น เนื้อหาเกี่ยวกับนินจา เรื่องและภาพโดย มาซาชิ คิชิโมโตะ ตีพิมพ์ครั้งแรกในปี พ.ศ. 2542 ในนิตยสาร "โชเนนจัมป์" ในประเทศญี่ปุ่น โดยมีโครงเรื่องเดิมมาจากผลงานที่คิชิโมโตะเคยเสนอให้สำนักพิมพ์ในปี 2540 ต่อมาได้ถูกสร้างเป็น อะนิเมะ และ เกม หลายต่อหลายภาค
ส่วนในประเทศไทย นินจาคาถาโอ้โฮเฮะได้ถูกตีพิมพ์ในหนังสือการ์ตูนรายสัปดาห์ "บูม" ภายใต้ลิขสิทธิ์ของบริษัท "เนชั่น เอ็ดดูเทนเมนท์" ปัจจุบันออกมาแล้ว 46 เล่ม ส่วนภาคอะนิเมะในชื่อไทย "นารูโตะ นินจาจอมคาถา" เป็นลิขสิทธิ์ของ "โรส วิดีโอ" และเคยออกฉายทาง สถานีโทรทัศน์ไอทีวี (ไทยพีบีเอส ในปัจจุบัน) และมีภาคมูฟวี่ 3 ภาค โดยปัจจุบันมีการฉายฉบับเสียงพากย์ภาษาไทยทาง ช่อง 5 และมีการฉายฉบับเสียงพากย์ภาษาไทย - อังกฤษผ่านทางช่องการ์ตูนเน็ตเวิร์ก (ทรูวิชั่นส์ ช่อง 32) โดยจะเรียกชื่อเรื่องว่า นารูโตะ และใช้ทีมพากย์ภาษาไทยของทาง การ์ตูนเน็ตเวิร์ก เอง และช่องรายการดาวเทียม "Gang Cartoon Channel" ทีมพากษ์โรส vdo


ในแว่นแคว้นในโลกแห่งนินจา หมู่บ้านที่ชื่อ โคโนฮะนาคุเระ ได้ถูกปีศาจจิ้งจอกเก้าหาง โจมตีเมื่อสิบสองปีก่อนทำให้ โฮคาเงะ รุ่นที่ 4



ซึ่งเป็นหัวหน้าหมู่บ้าน ต้องยอมพลีชีพเพื่อสะกดวิญญาณของปีศาจจิ้งจอกเก้าหาง ผนึกไว้ในร่างของทารกคนหนึ่ง นามว่า อุซึมากิ นารูโตะ สิบสองปีถัดมา นารูโตะ ถูกเกลียจชังจากชาวบ้านที่ล่วงรู้ความลับที่เป็นร่างสถิตของจิ้งจอกเก้าหาง หลังจากสำเร็จการศึกษาเป็นนินจาชั้น เกะนิน



โดยปฏิบัติหน้าที่ภายใต้การควบคุมของ ฮาตาเกะ คาคาชิ ซึ่งเป็น โจนิน โดยมีสมาชิกร่วมทีมอีกสองคน

คือ อุจิวะ ซาสึเกะ และ ฮารุโนะ ซากุระ เพื่อเป็นการกระชับมิตรของพันธมิตรของหมู่บ้านได้มีการจัดงานประลอง แต่แล้ว โอโรจิมารุ ได้เข้าจู่โจมหมู่บ้านและสังหาร ซารุโทบิ

โฮคาเงะรุ่นที่ 3 โดยมีนินจาจากหมู่บ้าน ซึนะ ได้แก่ กาอาระ เทมาริ และ คันคุโร่ เข้าร่วมการโจมตีด้วย โอโรจิมารุหนึ่งในสามนินจาในตำนานต้องการตัวสายเลือดชีดจำกัด ซึ่งเหลือเพียงอุจิวะ ซาสึเกะ โดย โอโรจิมารุ ได้ผนึกอักขระต้องสาปไว้กับซาสึเกะ ทำให้เปิดพลังวิชานินจาสายใหม่ขึ้นมา

โดยอุจิวะ ซาสึเกะได้เห็นดีจึงตามโอโรจิมารุไป อุซึมากิ นารูโตะ ได้รับข่าวจึงตามไปและปะทะกับ 4 นินจาที่โอโรจิมารุเตรียมการไว้เพื่อถ่วงเวลแต่ไม่สามารถช่วยอุจิวะ ซาสึเกะ ไว้ได้ ซึนาเดะ หนึ่งในสามนินจาในตำนานได้ให้ จิไรยะเป็นผู้สอนวิชาให้กับนารูโต๊ะ
หลังจากออกเดินทางเพื่อฝึกวิชาสองปีครึ่ง
อุซึมากิ นารูโตะและจิไรยะได้กลับมายังหมู่บ้านโคโนฮะ
ในช่วงเวลาเดียวกันนั้น กลุ่มแสงอุษาได้เริ่มส่งนินจาออกไปเพื่อรวบรวมร่าง
สถิตกลับมาเพื่อดึงสัตว์หางเพื่อสร้างวิชามหาเวทย์จันทราเพื่อทพ
ให้สัตว์หาง 9 ตัวรวมกลับไปเป็น 10 หางโดย อุจิวะ มาดาระ
ได้กลับมากล่อมให้ อุจิวะ อิทาจิพา อุจิวะ ซาสึเกะมาให้ตน
เมือซึนาเดะทราบความจึงเริ่มสั่งการให้ อุซึมากิ นารูโตะและ
เกะนินในหมู่บ้านออกไปเพื่อพาร่างสถิต อุซึมากิ นารูโตะ
ไปหาร่างสถิติ 8 หาง เพื่อพัฒนาความสามารถและจิตใจ
พร้อมทั้ง อุจิวะ มาดาระ ได้พัฒนาเนตรให้กับอุจิวะ ซาสึเกะ
ด้วยการนำเนตรของ อุจิวะ อิทาจิมาใส่แทน และได้ประกาศสงครามโลกนินจาครั้งที่ 4 กับแคว้นนินจาทั้งหมด




อุซึมากิ (うずまき) มีความหมายว่า "ขดเป็นวง"

เป็นสัญลักษณ์ของจิ้งจอกเก้าหางที่โดนผนึกไว้ที่ท้องของนารูโตะ


นารูโตะ มีความหมายได้สองอย่างคือ น้ำวน หรือ คะมะโบะโกะ (ลูกชิ้นปลาชนิดหนึ่ง

ที่มีสีขาวและชมพูโดยมีลวดลายเป็นวงตรงกลาง) นิยมใส่ในราเม็ง
ซึ่งเป็นอาหารโปรดของนารูโตะ


นารูโตะเกิดมา คนในหมู่บ้านรังเกียจและชิงชังตั้งแต่เด็ก พ่อของเขาคือ โฮคาเงะรุ่นที่ 4 ซึ่งเป็นผู้เสียสละชีวิตตัวเองต่อสู้กับปีศาจจิ้งจอกเก้าหางและผนึกจิ้งจอกเก้าหางลงไปในตัวนารูโตะ จึงสามารถฝึกวิชาของรุ่นที่ 4 ได้ง่ายกว่าใครๆอย่างกระสุนวงจักระและรวมทั้งวิชาพื้นฐานด้วย เนื่องจากนารูโตะได้รับอิทธิพลมาจาก จิ้งจอกเก้าหางโดยตรงทำให้นารูโตะมีจักระที่เยอะมากกว่าคนอื่นในระดับเดียวกัน นารูโตะเติบโตมากับความโดดเดี่ยวที่ไม่มีพ่อและแม่ และมากกว่านั้นนารูโตะโดนนินจาและผู้ใหญ่ในหมู่บ้านคนอื่นเกลียดชัง เนื่องจากในตัวนารูโตะนั้นมีจิ้งจอกเก้าหาง จึงทำให้คน,นินจาในหมู่บ้านเกลียดนารูโตะเพราะคิดว่านารูโตะเป็นปีศาจ อูมิโนะ อิรุกะ อาจารย์คนแรกของนารูโตะเป็นคนที่ให้ความสำคัญและดูแลเอาใจใส่นารูโตะเหมือนลูก อิรุกะเข้าใจความรู้สึกของนารูโตะเนื่องจากมีชีวิตในวัยเด็กเหมือนกัน ที่สูญเสียพ่อแม่ตั้งแต่เด็ก และ จิ้งจอกเก้าหางที่ผนึกอยู่ในร่างของนารูโตะนั้นฆ่าพ่อแม่ของอิรุกะอีกด้วย 12 ปีต่อมานารูโตะตัวแสบของหมู่บ้านโคโนฮะเข้าสอบเพื่อเลื่อนเป็นเกะนินแต่ไม่สำเร็จ



และได้ถูกมิซึกิหลอกให้ไปเอาคัมภีร์ที่รวบรวมวิชานินจามาให้ เพื่อตนเองจะได้เอาไปและให้นารูโตะเป็นแพะรับบาป แต่ อิรุกะได้มาช่วยนารูโตะไว้ มิซึกิได้บอกว่าในตัวนารูโตะมีตัวจิ้งจอกเก้าหางอยู่ในตัว และ ได้ฆ่าพ่อแม่ของอิรุกะ นารูโตะได้เรียนวิชานินจากับซาซึเกะ,ซากุระ และ ครูคาคาชิซึ่งร่วมมือกันในภารกิจต่างๆในหน่วย 7 โดยเฉพาะภารกิจที่ช่วยคุ้มครองการสร้างสะพาน ตอนภาคสอง นารูโตะและซากุระพร้อมกันไปช่วย กาอาระ{คาเซคาเงะ}ที่โดนกลุ่มแสงอุษาลักพาตัวไป ฉายา นินจาจอมเพี้ยน-นินจาอันดับหนึ่งด้านเหนือความคาดหมาย, แหกกฏ, เจ้าทึ่ม สมองนิ่ม (ซาซึเกะเรียก) นารูโตะเป็นนินจาที่ค่อนข้างจะโชคดีในเรื่องโชคลาภ เพราะในตอนที่จิไรยะเอาเงินของนารูโตะไปใช้เลยทำให้เงินหมด แต่เพราะไปเล่นเสี่ยงโชคขูดสลากครั้งเดียว นารูโตะสามารถเอาเงินกลับคืนมาได้หมด



ประวัติของซาสึเกะ
อุจิวะ ซาสึเกะ เป็นนินจาหมู่บ้านโคโนฮะเป็นสมาชิกในกลุ่ม 7 ที่มี อุซึมากิ นารุโตะ , ฮารุโนะ ซากุระ อยู่ด้วย ซาสึเกะ เป็นทายาทคนที่2มีพี่ชายชื่อ อุจิวะ อิทาจิ ซึ่งสามารถใช้เนตรวงแหวนได้เหมือนกับ ซาสึเกะตระกูลอุจิวะ มีความสามารถในการใช้เนตรวงแหวน โดยความสามารถนี้คือการก้อปปี้ความสามารถของสิ่งที่เห็น ทำให้สามารถใช้ท่าไม้ตายของคู่ต่อสู้แม้ได้เห็นเพียงครั้งเดียว ซาสึเกะมีความมุ่งมั่นเหมือนปณิธานว่า ต้องการล้างแค้นผู้ที่ฆ่าล้างตระกูลเขา ซึ่งก็คือพี่ชายแท้ๆของตน ชื่อ อุจิวะ อิทาจิ
ซาสึเกะรู้ตัวดีว่าตนยังไม่มีความสามารถมากพอและน้อยใจตัวเองที่ฝีมือพัฒนาไม่ได้มากกว่านี้ อีกทั้งคิดว่าตัวเองไม่มีความสามารถที่จะทำได้จึงเรียนรู้และฝึกฝนการเป็นนินจาเวลาผ่านไปความแค้นของเขาก็ถูกปะทุขึ้น จากเหตุการณ์ สถานการณ์รอบๆตัว



และ 1 ในเรื่องเหล่านั้นคือ การปรากฏตัวของ โอโรจิมารุ และการได้พบกับ อุจิวะ อิทาจิ อีกครั้ง

ในการสอบจูนิน ซาสึเกะและกลุ่ม 7 ได้พบกับ โอโรจิมารุ และสู้กัน ซาสึเกะสามารถเอาชนะโอโรจิมารุได้ทำให้เขาพอใจซาสึเกะมากและกัดที่ต้นคอของซาสึเกะทำให้ซาสึเกะได้รับอักขระฟ้า ครั้งนั้น คาคาชิอาจารย์ระดับโจนินที่คอยดูแลกลุ่ม 7 ช่วยปิดผนึกสะกดอักขระไว้ให้และสอน พันปักษาให้กับซาสึเกะ แต่เพราะหลังจากนั้นไม่นาน ซาสึเกะ ได้พบกับกับ อิทาจิ อีกครั้งและปะทะกันแม้แต่พันปักษาของซาสึเกะก็ทำอะไรอิทาจิไม่ได้ เหตุการณ์
ครั้งนั้นทำให้เขาคิดว่า จะไม่มีทางชนะอิทาจิ ได้หากยังไม่เก่งขึ้นยิ่งกว่านี้

ขณะที่ซาสึเกะตกอยู่ในวังวนแห่งความแค้น โอโรจิมารุ ได้ส่งสมุนมาชักชวน ซาสึเกะ ให้ออกจาก โคโนฮะ ไปยังหมู่บ้านโอโตะ และโอโรจิมารุ จะมอบพลังให้แก้แค้นแก่ ซาสึเกะ

ซาสึเกะ ตัดสินใจที่จะออกจากหมู่บ้านไปตามคำชักชวน แต่ นารุโตะ เข้าห้ามเขาเพราะรู้มาว่า โอโรจิมารุ ต้องการร่างของซาสึเกะ ไปทำพิธีย้ายร่างเพื่ออยู่เป็นอมตะ จึงไม่ยอมให้ซาสึเกะ เดินทางออกไป แต่ซาสึเกะ ไม่สนใจคำเตือนของ นารุโตะ พร้อมยืนยันการออกจากหมู่บ้านของตน ทั้งคู่จึงใช้การต่อสู้เป็นการตัดสิน


ท้ายที่สุด ซาสึเกะ เป็นฝ่ายได้รับชัยชนะ และออกเดินทางต่อไปยัง โอโตะ เพราะหวังจะได้พลังจากโอโรจิมารุ

เวลาผ่านไปเกือบ 3 ปี ซาสึเกะ ฝึกวิชาต่างๆจาก โอโรจิมารุ และได้เจอกับนารุโตะอีกครั้ง นารุโตะพยายามที่จะชักชวนซาสึเกะกลับหมู่บ้านอีกครั้ง แต่ก็ไม่สามารถทำได้อีกเช่นเคย

แต่หลังจากนั้นไม่นาน ซาสึเกะ ได้ฆ่า โอโรจิมารุ ขณะที่มีการทำพิธีกรรมย้ายร่าง และยึดวิชาทั้งหมดของโอโรจิมารุเป็นของตนเองไว้ด้วย เขาทำการปลดปล่อยซุยเงสึออกมา และได้ชักชวน คาริน กับ จูโกะ ให้มาเข้าร่วมด้วย เดินทางในชื่อกลุ่ม "เฮบิ" (มีความหมายว่า "งู")โดยมีเป้าหมายเป็นความมุ่งมั่นเดิมของเขา "การแก้แค้นให้แก่ตระกูลอุจิฮะ"
ต่อมา เขาได้ออกตามหาอิทาจิ ระหว่างทาง เขาได้ต่อสู้กับเดอิดาระ (สมาชิกกลุ่มแสงอุษา)แต่เดอิดาระกลับสู้ซาสึเกะไม่ได้ ซึ่งในตอนนั้นเขาเกือบตายในการต่อสู้ครั้งนั้น เพราะการระเบิดตัวเองของเดอิดาระ เขาได้ใช้มันดะในการหลบหนีการโจมตีของเดอิดาระจึงรอดชีวิตมาได้ (มันดะเป็นสัตว์อัญเชิญของโอโรจิมารุ ซึ่งซาสึเกะสามารถใช้คาถาอัญเชิญเรียกมาได้ จากนั้นใช้เนตรวงแหวนสะกดมันดะ และใช้วิชานินจาข้ามมิติโดยอาศัยร่างของมันดะหลบหนีแรงระเบิดของเดอิดาระ)


หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ได้เจอกับอิทาจิ ในตอนการต่อสู้กับอิทาจินั้น ซาสึเกะเกือบต้องพ่ายแพ้ เพราะขนาดซาสึเกะใช้คาถากิเลน ซึ่งเป็นคาถาสายฟ้าที่ร้ายแรงที่สุดของซาสึเกะ ก็ไม่สามารถเอาชนะอิทาจิได้ เนื่องจากอิทาจิได้ใช้เทพวายุเป็นโล่ป้องกัน ทำให้ซาสึเกะโมโหมากและฝืนใช้พลังอีก ทำให้จักระของโอโรจิมารุที่อยู่ในตัวซาสึเกะรั่วไหลออกมา และโอโรจิมารุก็เข้าครอบงำซาสึเกะ แต่โอโรจิมารุก็พ่ายแพ้ให้กับเทพวายุของอิทาจิ ทำให้ศึกครั้งนี้อิทาจิเป็นฝ่ายชนะขาดลอย แต่อิทาจิกลับสิ้นใจตายไปซะก่อน แล้วซาสึเกะได้รับเนตรเทวีสุริยาจากอิทาจิมา ในการต่อสู้ครั้งนั้นมีเบื้องหลังอยูที่ว่ามาดาระนั้นได้เล่าความจริงเกี่ยวกับตระกูลอุจิวะให้ซาสึเกะฟังว่า อิทาจิทำทุกอย่างเพื่อเขาทั้งนั้น จนซาสึเกะน้ำตาตกในคราวนั้น เขาเสียใจในการจากไปของพี่ชายเขามาก โดยที่เขาแทบไม่รู้เรื่องราวที่แท้จริง ก่อนหน้าที่เขาจะเกิด และได้เบิกเนตรกระจกเงาหมื่นบุบผาของตัวเอง ออกมา เนตรมีระดับเหนือกว่าเนตรของอิทาจิ


หลังจากนั้น ซาสึเกะได้เปลี่ยนชื่อกลุ่มใหม่ว่า เหยี่ยว แล้วกลุ่มเหยี่ยวนั้นได้รวมพรรคกับแสงอุษาเป้าหมายของเข้าก็คือถล่มโคโนฮะให้ราบคาบ แต่ก่อนหน้าที่ซาสึเกะจะเดินทางไปโคโนะฮะ โทบิ หรือ อุจิวะ มาดาระ ได้สั่งให้ไปจับเป็น คิลเลอร์ บี หรือ ร่างสถิตย์ของแปดหาง ทีม เหยี่ยว ของซาสึเกะสู้ไม่ได้เพราะแปดหางมีพลังมากเกิน ทำให้ซาสึเกะใช้เทพีสุริยาเป็นครั้งแรกเพื่อปกป้องทีม


หลังจากการพักรักษาตัวตอนที่สู้กับแปดหาง ทีม เหยี่ยว ของซาสึเกะก็เดินทางมาถึงหมู่บบ้านโคโนะฮะ เขามีเป้าหมายที่จะฆ่าดันโซผู้ที่เป็นคนบงการใหอิทาจิฆ่าล้างตระกูลแต่ก็ถูก ไรคาเงะ ซึ่งเป็นพี่ชายของแปดหางขวางทางจึงเกิดการสู้รบ ในขณะที่สู้กับอยู่นั้น คาเสะคาเงะ หรือ กาอาระ นั้นเอง ได้เข้ามาขวางการต่อสู้ แต่เตือนสติซาสึเกะ แต่ซาสึเกะก็ไม่สนใจเลยแม้แต่น้อยและใช้เทพวายุหนีออกมาโดยพาคารินไปด้วย เมื่อมาถึงที่ประชุมคาเงะซึ่งซาสึเกะได้บุกเข้ามาหมายจะฆ่าดันโซแต่เขาก็หนีไปก่อน ซาสึเกะจะตามไปแต่ก็ต้องเจอกับ มิสึคาเงะ และ ซึจิคาเงะ เล่นงานจนเกือบตายแต่ได้มาดาระช่วยไว้ มาดาระ พาซาสึเกะกับคารินไปหาดันโซ ดันโซได้ปลดผนึกที่แขนขวาพบว่าทั้งแขนของดันโซนั้นเต็มไปด้วยเนตรวงแหวนทั้งหมด 10 ดวงตา และการต่อสู้ก็เริ่มขึ้น ผลสุดท้ายซาสึเกะได้รับชัยชนะและเป้าหมายเขาต่อไปนั้นก็คือ โคโนะฮะ

ก่อนที่ซาสึเกะจะกลับไปพักรักษาตัวหลังจากที่ต่อสู้กับดันโซ ซากุระ ก็ปรากฏตัวขึ้นแต่ซาสึเกะก็คิดพยายามจะฆ่าซากุระได้ลงคอ แต่ได้คาคาชิและนารูโตะช่วยเอาไว้ เกิดการสนทนาในกลุ่ม 7 แห่งโคโนะฮะทำให้ซาสึเกะตัดสินใจแลกเปลี่ยนเนตรวงแหวนกระจกเงาหมื่นบุปผากับอิทาจิเพราะดวงตาของตนแถบจะมองไม่เห็นอยู่แล้ว ทั้งนี้ซาสึเกะพูดไว้ว่าต้องการจะสู้กับนารูโตะด้วยพลังทั้งหมดที่เขามีเพื่อจะตัดความสัมพันธ์ระหว่างเขาและนารูโตะ

********

Source:  http://th.wikipedia.org/wiki/naruto !!!

วันอังคารที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2556

โรงเรียนป่วนนักเรียนเป๋อ 。 あずまんが大王




อาสึมังกะไดโอ โรงเรียนป่วนนักเรียนเป๋อ (ญี่ปุ่น: あずまんが大王 Azumanga Daioh อะซุมังงะไดโอ ?) เป็นการ์ตูนญี่ปุ่น ที่ได้รับความนิยม เรื่องราวเกี่ยวกับชีวิตเด็กสาว ม.ปลาย ที่ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันเป็นกลุ่ม ที่รวมสาวน้อยที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ด้วยมุขตลกชวนขัน ตามภาษาเด็กๆ ได้แสดงออกมาในรูปแบบการ์ตูนสี่ช่อง ทำให้น่าติดตาม และหัวเราะได้ตลอดเวลา
คำว่า อาสึมังกะไดโอ (あずまんが大王) ที่เป็นชื่อเรื่อง เป็นคำที่เป็นการเล่นคำ จากชื่อนักเขียนคือ คิโยฮิโกะ อะสึมะ โดยเอาชื่อสกุลของเขา อะสึมะ (あずま) มารวมกับคำว่า มังงะ (漫画 ที่แปลว่า การ์ตูนที่เป็นหนังสือ) และคำว่า ไดโอ (大王 ที่แปลว่าพระราชา) รวมแล้วหมายถึง อะสึมะราชาแห่งการ์ตูน แต่เนื่องจากการ์ตูนเรื่องนี้ตีพิมพ์ในนิตยสารการ์ตูนรายเดือน เด็งเงคิไดโอ (月刊コミック電撃大王) จึงสันนิษฐานว่า คำแปลอาจเป็น "การ์ตูนของอาสึมะ ในนิตรสารเด็งเงคิไดโอ"




รายชื่อตอน
「こども高校生」「天才です」「こわいかな?」「爆走ともちゃん!」「大阪人や」
「今日も大阪」「体育・バレーボール」「しゃっくり」「脳が」「おにゅー」
「にゃも」「派閥闘争」「ゆかりがきた」「悪くないもん」「どこまでも」
「楽しい職業」「プールプールプール」「りぼん」「ふたりっきり」「いいひと?」
「なつやすみ」「ようこそちよの部屋へ」「ご招待」「経験者語って」「もうだめ」
「勝利の方程式」「三組の榊 五組の神楽」「ぶっちぎり」「わーい」「踊る大団円」
「おとぎの組」「人格者」「のりのりゴー!」「マスコット」「敵?」
「大阪の初夢」「ともちゃんの場合」「榊の場合」「ようこそ」「かおりんの場合」
「触れないなら」「11才」「ねこさん・・・」「設定」「なんで?」
「ドラフト指名」「クラス替え」「おおかみ」「先輩風ぴゅーぴゅー」「マルコ・・・」
「国際都市」「対決」「たたかなくても」「ねこまみれ」「逃げないで」
「ちよちゃんの一日」「高校のともだち」「お昼」「ごご」「なわとび」
「ノーガード戦法」「S」「中間テスト」「結成」「能力」
「おかいもの」「集合」「うみー!」「捕獲作戦」「大人の世界」
「木村家の人々」「みたみた?」「未確認奥さん」「ガチガチ」「結果発表」
「くみあわせ」「降臨」「かわいい」「注文」「宣伝効果」
「大阪の怪談」「気分転換」「師走」「すごいサンタ」「クリスマス会」
「うきよみ」「裏切り」「ワクワクワクワク」「仲間はずれ」「ゴー」
「あくび名人」「なんだか青春」「大人の花見」「子供の花見」「桜」
「別離」「ゆかりの誕生日」「はばたけちよ」「こども大統領」「強く生きて下さい」
「期待」「いてもたっても」「海の藻屑」「夢の島」「山にすむネコ」
「ナイスですよ」「だまされた」「黒沢先生」「未遂」「まだ終わってない」
「かんだ」「もりあげ役」「考えてなかった」「みんなで走ります」「一丸」
「進路」「対決」「はやく行こう」「人望」「マヤーと一緒」
「進路相談」「合格祈願」「ファイト」「勉強会」「智と大阪運命の日」
「初めての卒業」「万感」「悲しみ」「母校」「みんな」





เพลงประกอบ
เพลงเปิด:『Soramimi Cake』
โดย:Oranges&Lemons
เพลงปิด:『Raspberry heaven』
โดย:Oranges&Lemons







ที่มา วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

โรงเรียนวุ่น ชุลมุนอลเวง 学校は積極的に混乱を永続。


เนื้อเรื่อง......

ณ โรงเรียนเอกชน(หญิงล้วน)มิยาคามิที่ซึ่งมีกลุ่มหญิงสาวผู้มีอำนาจยิ่งใหญ่กว่าบุคลากรใดๆ สภานักเรียนผู้มีอำนาจในการปกครองระดับสูงสุดแห่งโรงเรียนมิยาคามิ หรือเรียกสั้นๆว่า สภานักเรียนสูงสุด(โกคุโจว เซโตไค) สำหรับนักเรียนที่ศึกษาอยู่ที่โรงเรียนมิยาคามิ สภานักเรียนสูงสุดยิ่งใหญ่และหรูหรามาก พวกเธอเหล่านี้ต่างปรารถนาที่จะเข้าไปอยู่ที่สภานักเรียนสูงสุด เพราะถ้าได้เข้าไปอยู่ที่สภานักเรียนสูงสุดแล้ว จะมีหอพักที่หรูหราฟรี มีอาหารให้ฟรี มีสวัสดิการฟรีทุกอย่างและที่สำคัญไม่ต้องจ่ายค่าเทอมอีกด้วยโรงเรียนมิยาคามิเป็นโรงเรียนที่อยู่ในเครือจิงุจิ บริหารโดย จิงุจิ คานาเดะ

ตัวละคร.....

รันโด ริโนะ
เด็กสาวที่แสนธรรมดาแต่ก็แฝงไปด้วยความไม่ธรรมดาแม่ขอริโนะคือจิเอริที่เคยอยู่ในตระกูลจิงูจิแต่หนีออกมาทำให้ริโนะมีพลังของตระกูลจิงูจิมากกว่าคานาเดะ เธอเป็นคนที่ใสซื่อมาก ไม่รู้อะไรเลย ทำไรก็ไม่ได้เรื่องสักอย่าง แต่แล้วชีวิตของเธอต้องเปลี่ยนไปเมื่อเธอได้รับจดหมายจาก มิสเตอร์ ป้อบปิต เพื่อนทางจดหมายของเธอที่เธอไม่เคยเห็นหน้า ไม่รู้จักมาก่อนแต่เขาผู้นี้ก็ช่วยริโนะในหลายๆเรื่อง รวมถึงเรียนที่เธอได้เข้ามาเรียนที่โรงเรียนมิยาคามิ และเมื่อเธอได้มาถึงที่วิทยาเขตมิยาคามิแล้ว เธอก็ต้องพบกับเรื่องที่เลวร้าย เมื่ออพาร์ตเม้นท์ที่ มิสเตอร์พอบบิตจองไว้ให้ได้ถูกโจรลอบวางเพลิงเผาวอดไม่เหลือซากไปซะแล้ว เธอได้ปรึกษากับพุซจังหุ่นมือที่เป็นทั้งเพื่อนและญาติของริโนะ ที่แม่เธอทิ้งไว้ให้ว่าจะทำไงต่อไป หลังจากนั้นเธอก็ได้เดินทางไปที่โรงเรียนมิยาคามิ เมื่อเธอได้เข้ามาอยู่ที่โรงเรียนมิยาคามิแล้วเธอก็มีเพื่อนสนิทแล้วชื่อ อายุมุ คนที่เสนอให้ริโนะไปเข้าสภานักเรียนเพราะว่าจะได้มีที่พัก และด้วยเหตุนี้เธอเลยได้เข้ามาเป็นเลขาของสภานักเรียนสูงสุด ด้วยความที่ทาง คานาเดะต้องการช่วยเหลือเธอ จากคำมั่นสัญญาของ คานาเดะ กับ จิเอริ แม่ของริโนะ

ฟุตจัง
ตุ๊กตาหุ่นมือที่เคยเป็นของแม่ริโนะมาก่อนแต่พอแม่ของริโนะตาย ริโนะจึงต้องเป็นคนบังคับห่นพุซจังเอง พุซจังเปรียบเสมือนญาติพี่น้องของริโนะเลย เพราะฟุตจังเป็นเพื่อนเล่นกับริโนะมาตั้งแต่เด็กจนโตเลยทีเดียว โดยแท้จริงแล้ว ฟุตจัง เป็นพี่ชายของ ริโนะ ที่ตายไปแล้ว ชื่อ รันโด เท็ตซึยะ ซึ่งจะเปิดเผยในตอนที่ 26

จินงูจิ คานาเดะ
เป็นประธานสภานักเรียนสูงสุดและเนผู้สืบทอดกิจการของตระกูลจินงูจิ คานาเดะเป็นคนที่สวยมากและเรียนร้อยมาก เป็นที่ชื่นชอบของนักเรียนทุกคนในโรงเรียนมิยาคามิ และเป็นที่จับตามองของเหล่าหนุ่มๆ ทั้งหลาย เธอมีความลับบางอย่างที่เกี่ยวกับรันโด ริโนะปิดบังทุกคนอยู่แต่ตอนหลังๆริโนะก็จะรู้เอง ด้วยเหตุผลบางประการเธอจึงรับริโนะเข้ามาเป็นเลขาของสภานักเรียนสูงสุด แท้จริงแล้ว คานาเดะ เป็น Mr.Poppit เพื่อนทางจดหมายของริโนะ เธอมีพลังในการใช้ Telepathy สื่อสารกับคนอื่นโดยใช้จิต

คินโจ นานาโฮะ
รองประธานสภานักเรียนสูงสุดและเป็นหัวหน้าหน่วยลาดตระเวน ตระกูลคินโจของนานาโฮะนั้น คอยอารักขาตระกูลจินคุจิของคานาเดะมาหลายต่อหลายรุ่น ร่วมทั้งรุ่นของคานาเดะและนานาโฮะด้วย นานาโฮะต่อสู้โดยใช้โยโย่เป็นอาวุธ แต่ว่าเธอยังมีด้านที่เป็นผู้หญิง คือ เธอชอบตุ๊กตาหมี พิร็อตจัง มาก

กินงะ คุอง
เป็นหัวหน้าหน่วยลับ เป็นสาวสวยอีกคนของโรงเรียน มีนิสัยเงียบๆ ผู้ดีๆ แต่ความจริงแล้วเธอเป็นสปาย ให้กับองค์กรข้อมูล นาฟเลส ที่มาสืบความลับของ จิงูจิ คานาเดะ รวมถึงความลับของตระกูล จินงูจิ ด้วย แต่สุดท้ายเธอก็ไม่ได้อะไรไปเลย เพราะคานาเดะบอกว่า ต้องการให้เธอสืบไปเรื่อยๆ ในตอนที่ 15 เพราะ ครอบครัวของเธอยังทำธุรกิจโดยมี องค์การนาฟเลส หนุนหลังอยู่ ความสามารถของ คุอง ก็คือ ความสามารถในการเก็บข้อมูล

ซึโนโมโตะ เรน
อยู่หน่วยลาดตระเวน เป็นคู่หูและเพื่อนสนิทของซายูริ ใช้ไพ่เป็นอาวุธ มีนิสัยขี้เล่น มีความสามารถในการเล่นการพนัน ในสภานักเรียนไม่มีใครสู้เธอได้เลยทีเดียว เธอต้องการพบพ่อที่ทิ้งเธอไป ที่เธอเล่นการพนัน เพราะเธอไม่ต้องการลืมพ่อของเธอ

ฮิดะ ซายูริ
อยู่หน่วยลาดตระเวน เป็นมือหนึ่งของหน่วยลาดตระเวน เธอสวมแว่นเธอจะเป็นไปเป็นคนละคนเมื่อไม่มีแว่น นิสัย เย็นชา ไม่ค่อยพูด มีดาบไม้เป็นอาวุธ เธอเชี่ยวชาญการใช้ดาบมาก เพราะบ้านของเธอเปิดสำนักดาบ ชื่อว่า ฮิดะ คัทเซซึริว แต่ ซายูริ สามารถใช้วิชาลับสุดยอด ฮิดะ คัทซัทซึริว ซึ่งสามารถฆ่าคนได้ เธอไปใช้วิชานี้ ทำให้คนๆหนึ่งไม่สามารถจับดาบได้อีกเลย ทำให้เธอพยายามจะเลิกจับดาบ

คัตสึระ เซย์นะ
เป็นรองประธานสภานักเรียนสูงสุดและเป็นรองหัวหน้าหน่วยลับด้วย หน่วยลับจะค่อยทำหน้าที่สืบข้อมูลต่างทั้งที่เป็นความลับและไม่เป็นความลับ มีนิสัย นอบน้อม ร่าเริง เป็นมิตรกับทุกคน เธอมีน้องสาวอยู่หนึ่งคน ชื่อ มินาโมะ เธอรักน้องสาวของเธอมากและเธอกับน้องสาวเคือยเป็นจิงูจิเพราะเธอกับน้องสาวไม่มีพลังทำให้ถูกคับไล่จากตกูลจิงูจิ ในตอนที่ 26 เธอจะเปิดเผยตัวว่า เป็นผู้ครอบครองตราองค์การ V ที่อยู่เหนืออำนาจของเจ้าตระกูล จินงูจิ

อิซุมิ คาโอริ
อยู่หน่วยลาดตระเวน ถนัดการต่อสู้ประชิดตัว มีนิสัย อารมณ์ร้อน เธอปลื้มคานาเดะมาก และอิจฉาริโนะที่เพิ่งมาใหม่แต่กลับได้เข้ามาเลขาแล้ว แถมยังได้รับเลือกให้เป็นหัวหน้าห้องด้วย ซึ่งก่อนที่ริโนะจะเข้ามา คาโอริได้เป็นหัวหน้าห้องมาตลอด ทำให้คาโอริไม่ค่อยชอบหน้าริโนะเท่าไหร่ สาเหตุที่เธอเทิดทูน คานาเดะ เพราะเมื่อพ่อแม่ของคาโอริตายแล้ว คานาเดะชวนเธอมาอยู่ที่ โรงเรียนมิยาคามิ ด้วย แต่คาโอริ ขอไม่อยู่ที่หอพักกรรมการนักเรียน เพราะเธอไม่ต้องการรู้สึกว่า ตัวเองเป็นคนขี้แพ้

อิจิคาว่า มายูระ
เป็นหน่วยบัญชีของสภานักเรียนสูงสุด ถนัดเรื่องการคิดเลข มีนิสัยที่ร่าเริงและก็ชอบกังวลการใช้งบในสภานักเรียนมาก ถ้ามีใครนำเงินของสภาไปใช้โดยพลกาลเธอจะโว้ยวายขึ้นมาทันที

มานาเบะ ซินดี้
อยู่หน่วยยานยนต์ ถนัดเรื่องเครื่องยนต์ต่างๆ ซินดี้เป็นลูกครึ่ง มีนิสัย เงียบขรึม ไม่ค่อยพูด เธอยังแอบชอบพุซจังอยู่ด้วย แม่ของเธออยู่ต่างประเทศมาเยี่ยมบางเป็นครั้งคราว

ฮิซาคาว่า มาจิ
เป็นแม่บ้านของหอพักสภานักเรียนสูงสุด อยู่ชั้น ป.5 มีความสามารถทำทุกอย่างได้หมดเลย มีนิสัย ร่าเริง ขี้เล่น แต่ที่จริงแล้วเธอไม่ใช่แม่บ้านธรรมดา แต่เธออยู่ในหน่วยลับของสภานักเรียนสูงสุดด้วย เมื่อเธอจบชั้นประถมศึกษา เธอจะเข้ามาอยู่ในสภานักเรียนด้วย เพื่อตอบแทน คานาเดะ ที่จ้างให้เธอเป็นแม่บ้าน

คัตซึระ มินาโมะ
เป็นน้องสาวของ เซย์นะ มีนิสัย เอาแต่ใจ แต่ก็ ร่าเริงมาก ถ้าอยากได้อะไรก็ต้องได้ แต่พอเธอเล่นสิ่งนั้นเบื่อแล้วเธอก็จะทำลายมันทิ้งทันที

อิตามิ ยูกิมิ
เป็นอาจารย์สอนวิชาพละ และ เป็นอาจารย์ที่ปรึกษาประจำชั้นห้องที่ ริโนะ เรียนอยู่ มีนิสัย ห้าวๆ เป็นเพื่อนกันกับ อาจารย์ วากานะ

ฮิราตะ วากานะ
เป็นอาจารย์ประจำห้องพยาบาล เป็นคนสวย มีนิสัย ใจดี รักเพื่อน แต่ชอบดื่มเหล้า เธอเป็นเพื่อนกันกับ อาจารย์ ยูกิมิ อดีตของอาจารย์ วากานะ ที่เปิดเผยในตอนที่ 18 เป็น ศัลยแพทย์อัจฉริยะ แต่เนื่องจากเธอไม่ยุ่งกับเรื่องแผนกยา ทำให้เธอต้องมาอยู่ที่โรงเรียน มิยาคามิ

โอเมะ อายุมุ(อายุจัง)
เป็นเพื่อนร่วมห้องเรียนของริโนะ และอยู่ในหน่วยลับของสภานักเรียนสูงสุดด้วย มีบริษัทปั้นไอดอลมาติดต่อเธอ และทำให้เธอกลายเป็น อายุ-อายุจัง เคยเป็นนินจาในตระกูล โอเมะ เธอหนีออกมา เพราะไม่ชอบวิถีทางของ ตระกูลโอเมะ และ ต้องการแต่งตัวสวยๆ เหมือนเด็กผู้หญิงคนอื่น.

คุซึกิ โคโตฮะ
อยู่หน่วยลับ มีหน้าที่ปกป้องตระกูลจิงุจิร่วมกับอายุมุ

รันโด จิเอริ
เป็นแม่ของริโนะ และชื่อที่แท้จริงคือ จิงุจิ จิเอริ ตอนแล้วผู้ที่สวมพุชจังไว้ที่มือคอยเล่นกับริโนะ คือ จิเอริแต่เมื่อเธอล้มป่วยแต่ตายจากไปริโนะจึงต้องสวม ตุ๊กตามือฟุตจัง แทนแม่

....

ที่มา วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

วันพีซ....การ์ตูนที่สร้างความทันเทิง




วันพีซ (ญี่ปุ่น: ワンピ-ス Wanpīsu ในชื่ออังกฤษ One Piece ?) เป็นการ์ตูนญี่ปุ่นเขียนโดย เออิจิโร โอดะ เรื่องราวของการตามหา "วันพีซ" โดยผู้ที่ได้มาครอบครองจะได้เป็นจ้าวแห่งโจรสลัด เริ่มลงตีพิมพ์ในนิตยสารโชเน็นจัมป์ ของสำนักพิมพ์ชูเอฉะ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2540 - ปัจจุบัน (พ.ค. 2555) ฉบับรวมเล่มออกมาถึงเล่มที่ 65 (ในประเทศไทย) และเนื่องจากความโด่งดัง วันพีซ จึงได้รับการดัดแปลงเป็นอะนิเมะ นวนิยาย รวมไปถึงเกมอีกหลายภาคด้วยกัน



ในประเทศไทย วันพีซได้ลิขสิทธิ์โดยสำนักพิมพ์สยามอินเตอร์คอมิกส์ ตีพิมพ์ลงในนิตยสารการ์ตูนซีคิดส์รายสัปดาห์ ส่วนฉบับอะนิเมะ ได้ลิขสิทธิ์โดย Audio & Video Entertainment (เฉพาะปี 1) DEX (ตั้งแต่ปี 2 เป็นต้นไป และในปี พ.ศ. 2552 DEX ได้นำภาค 1 มาผลิตใหม่ในรูปแบบ DVD โดยเสียงพากย์ จะพากย์ใหม่ทั้งหมด โดยทีมพากย์ของ DEX เอง) และเคยออกอากาศทางฟรีทีวีทางไอทีวี (ทีไอทีวี) , โมเดิร์นไนน์ทีวี และในเร็วๆ นี้ วันพีชกำลังจะกลับมาออกอากาศอีกครั้ง ทางช่อง 3 โดยจะเริ่มฉายตั้งแต่ภาคที่ 4 เริ่มวันที่ 8 สิงหาคม 2553




วันพีซเป็นหนึ่งในการ์ตูนที่โด่งดังที่สุดของญี่ปุ่น จุดเด่นของเรื่องนี้อยู่ที่การที่ผู้วาดได้สร้างสรรค์ความฝันซึ่งต้องการผจญภัยพร้อมกับเหล่ามิตรแท้ในวัยเด็กของหลาย ๆ คนได้อย่างมีเสน่ห์ โดยระหว่างการผจญภัย ลูฟี่ต้องเจออุปสรรคในการพิสูจน์เพื่อนแท้มากมาย รวมทั้งได้เรียนรู้เรื่องราวและตำนานของบุคคลต่าง ๆ ที่ผ่านเข้ามาในเนื้อเรื่อง ไม่ว่าจะเป็น กองทัพเรือของรัฐบาลโลก เจ็ดเทพโจรสลัด เจ้าหญิงวีวี่แห่งอาลาบัสต้า เมืองแห่งทะเลทราย โนแลนด์จอมโกหก และเกาะแห่งท้องฟ้าในตำนาน รวมทั้งภาคล่าสุดมหาอาณาจักรแห่งน้ำวอเตอร์เซเว่น


เนื้อเรื่อง


ดูเพิ่มที่ รายชื่อตัวละครในวันพีซ และ รายชื่อตอนในวันพีซ (อะนิเมะ)
วันพีช เป็นเรื่องในยุคของโจรสลัดและฝ่ายทหารเรือ เพื่อค้นหา สมบัติที่เรียกว่า "วันพีซ" โดยผู้ที่มีวันพีซอยู่นั้นคือเจ้าแห่งโจรสลัด โดยผู้ที่เคยครอบครองวันพีซนั้นมีอยู่คนเดียวตามที่เปิดเผยมาคือ เจ้าแห่งโจรสลัด โกลด์ ดี โรเจอร์



มังกี้ ดี ลูฟี่ ลูกชายของนักปฏิวัติ มังกี้ ดี ดราก้อน ได้พบกับ โจรสลัด แชงคูส (ตอนนี้เป็น 1 ใน 4 จักรพรรดิ) และเผลอไปกิน ผลปีศาจ ทำให้ร่างกายมีคุณสมบัติเป็นยาง โดยข้อแม้ของผู้กิน ผลปีศาจ จะโดนทะเลรังเกียจ ไม่สามารถว่ายน้ำได้และหมดพลังที่ได้รับมา ลูฟี่ได้เริ่มต้นการผจญภัยออกเรือเดินทางไปทะเลแกรนด์ไลน์ โดยใช้เรือ ชื่อ โกอิ้งแมรี่ และรวบรวมลูกเรือ คือ โรโรโนอา โซโล นามิ อุซป ซันจิ โทนี่ โทนี่ ช็อปเปอร์ นิโค โรบิน แฟรงกี้ บรู๊ค พวกลูฟี่ได้แล่นเรือจากอิสท์ บลูเข้ามาในแกรนด์ไลน์และโดยใช้ล็อกโพส อุปกรณ์นำทางในการเดินเรื่องเพื่อค้นหาสมบัติตามเกาะต่างๆ ทั้ง อาณาจักรดรัม อาณาจักรทะลทรายอลาบาสต้า หรือแม้แต่ จายา เกาะแห่งท้องฟ้าสกายเปีย และต้องผ่านด่านของ ลองริง ลองแลนด์ จนได้เดินทางมาถึง วอเตอร์เซเว่น เพื่อสร้างเรื่อลำใหม่เทาซันต์ซันนี่ โดยนักต่อเรือแห่ง วอเตอร์เซเว่น และรับลูกเรือ แฟรงกี้



หลังจากเดินทางออกมาจาก วอเตอร์เซเว่น ก็เข้ามาใน ฟลอเรี่ยน ไทรแองเกิ้ล หมอกที่ไม่มีวันจาง ต้องหนีออกจาก เรือของ เจ็ดเทพโจรสลัด เก็กโค โมเรีย ที่มีชื่อว่า ทริลเลอร์ บาร์คและรับลูกเรือ บรู๊ค จนสามารถเดินทางต่อไปยังหมู่เกาะชาบอนดี้ (ซึ่งผู้ที่จะไปโลกใหม่นั้นจะต้องมาเคลือบเรือที่นี่ก่อนแล้วจึงเดินทางไปเกาะเงือกเพื่อที่จะไปยังอีกฝั่งของ เรดไลน์ ที่กั้นอยู่) ได้ถูก เจ็ดเทพโจรสลัด บาโธโลมิว คุมะ แยกกลุ่มโจรสลัดหมวกฟางออกจากกัน และกระจายออกไปยังเกาะต่างๆ ซึ่งในขณะเดียวกันได้มีการประกาศวันประหาร โปโตกัส ดี เอส ลูฟี่จึงต้องไปช่วยเอสที่คุก อิมเพลดาวน์ โดยได้รับการช่วยเหลือจาก จักรพรรดินีโจรสลัด โบอา แฮนค็อก ให้เข้าไปข้างในได้ หลังจากนั้นเมื่อเข้าไปในได้ แต่พบว่าเอสได้ถูกนำตัวไปแล้ว ลูฟี่จึงตามไปที่ศูนย์บัญชาการหลักกองทัพเรือพร้อมกัน อีวานคอฟ (ราชินีกระเทยเพื่อนของดราก้อน) บากี้ จินเบ (อดีตเจ็ดเทพโจรสลัด) ครอกโคไดล์ Mr.1 Mr.2 Mr.3 เพื่อช่วยเอสพร้อมกับกลุ่มโจรสลัดหนวดขาว หลังจากนั้นก็ช่วยเอสได้ แต่เอสก็ตายเพราะเอาตัวไปบังลูฟี่เพื่อปกป้องลูฟี่จากการโจมตีของ อาคาอินุ (1ใน3พลเอก) หลังจากนั้น ลูฟี่เสียใจมากที่เอสตาย แต่พอได้รับการเตือนสติจากจินเบว่ายังมีพวกพ้องอยู่ ลูฟี่จึงส่งข่าวผ่านทางหนังสือพิมพ์โดยใช้รหัสลับ ว่าให้พบกันในอีก 2 ปี ที่หมู่เกาะ ชาบอนดี้ แล้วทุกคนก็เริ่มฝึกเพื่อพัฒนาฝีมือในการเข้าสู่โลกใหม่ หลังจากผ่านไป 2 ปี กลุ่มโจรสลัดหมวกฟางได้มาพบกันอีกครั้ง แล้วมุ่งลงสู่เกาะเงือก และได้ประกาศสงครามกับ 4 จักรพรรดิ บิ๊กมัม จากนั้นก็ออกจากเกาะเงือก สู่เกาะพังค์ ฮาซาร์ด ที่ถูกทิ้งร้างและปิดตายเอาไว้ จนพบกับมังกรพูดได้ ซึ่งเกาะนี้เป็นที่ อาโอคิยิ กับอาคาอินุสู้กัน และมาได้พบกับลอว์ และสู้กับ master ซีซาร์ คลาวน์ ซึ่งกินผลแก๊สเข้าไป



ศัพท์เฉพาะในเรื่อง  วันพีซ

สมบัติในตำนานโดยเชื่อว่าซ่อนอยู่ในส่วนที่ลึกสุดของแกรนด์ไลน์ โดยจ้าวแห่งโจรสลัด โดยวันพีซไม่มีใครรู้ว่าหน้าตาและรูปร่างเป็นอย่างไร แต่รองกัปตันของเจ้าแห่งโจรสลัดรู้ และเขากำลังจะบอกพวกลูฟี่เพราะอุซปถาม แต่ลูฟี่ห้ามไว้ไม่ให้บอก เพราะอยากรู้ด้วยกำลังตัวเองและพรรคพวกมากกว่า วันพีซคือ การไว้เนื้อเชื่อใจในเพื่อนพ้อง


โพเนกลีฟ
ก้อนหินทรงลูกบาศก์ ที่สลักตัวอักษรโบราณ (คล้ายกับอักษร ไฮโรกลิฟของอียิปต์) ไว้เกี่ยวกับเรื่องราวของอาวุธโบราณ พูลตัน และ โพเซดอนโดยมีความเชื่อว่า รีลโพเนกลีฟ (โพเนกลีฟที่แท้จริง) ที่เก็บรวบรวมประวัติศาสตร์ช่วงร้อยปีแห่งความว่างเปล่าทั้งหมดอยู่ที่เกาะรัฟเทลซึ่งเป็นจุดสุดทางของแกรนด์ไลน์ และเป็นจุดมุ่งหมายของ นิโค โรบินที่ได้รู้ข้อมูลนี้จาก โพเนกลีฟที่เกาะแห่งท้องฟ้าที่โรเจอร์บันทึกเอาไว้


แกรนด์ไลน์
(คะตะคานะ: グランドライン, กุรันโดะระอิน, คันจิ: 偉大なる海路, อิดะอินะรุคะอิโระ หมายถึงเส้นทางของทะเลหลัก) เป็นเส้นกระแสน้ำในมหาสมุทรไหลจากทิศตะวันออกไปตะวันตกรอบโลกและตั้งฉากกับเส้นกระแสน้ำเรดไลน์ โดยแกรนด์ไลน์เปรียบเสมือนเส้นศูนย์สูตร และเรดไลน์เป็นเส้นไพรม์เมริเดียน แบ่งทะเลออกเป็น 4 ส่วน คือ นอร์ทบลู อีสท์บลู เวสท์บลู และเซาท์บลู โดยแกรนด์ไลน์เป็นสถานที่อันตรายที่สุดในโลกของวันพีซ มีฉายาว่าสุสานโจรสลัด นอกจากนี้ ครึ่งหลังของแกรนด์ไลน์ยังเป็นดินแดนที่เรียกว่า "โลกใหม่"


เรดไลน์
เป็นชื่อของทวีปเรดไลน์ มีลักษณะตั้งฉากกับเส้นศูนย์สูตร เป็นวงแหวนล้อมรอบโลกในเรื่องวันพีซไว้ (เป็นสื่อสารโจรสลัด) และที่สำคัญวันพีซก็อยู่ที่นี้เกาะสุดท้ายของเรดไลน์ ผู้บอกคือ รองกัปตันราชาโจรสลัด เรย์ลี่ ราชานรก




คามเบลท์
ทะเลสองสายที่ขนาบข้างไปกับแกรนไลน์ทั้ง2ด้าน มีสัตว์ทะเลยักษ์อาศัยอยู่มากมายยิ่งนักและไม่มีลมพัดผ่าน จึงยากที่จะใช้เป็นเส้นทางสัญจร


ผลปิศาจ
(悪魔の実, อะคุมะโนะมิ หมายถึงผลไม้ปีศาจ) เป็นผลไม้ที่จะให้พลังพิเศษกับผู้ที่กิน โดยพลังต่างๆ จะเป็นพลังที่แปลกประหลาด ซึ่งผลปีศาจแต่ละชนิดนั้นจะมีเพียง1ผลต่อ1ชนิดเท่านั้น แต่ขณะเดียวกันต้องแลกกับการที่ไม่สามารถว่ายน้ำได้
ผลปิศาจแบ่งออกเป็น 3 สายคือ



-โรเกีย - สายธรรมชาติ ผู้ที่กินเข้าไปจะสามารถกลายเป็นสสารนั้นๆ เช่นกลายเป็นไฟ หรือกลายเป็นสายฟ้า


-พารามิเซีย - สายพลังเหนือมนุษย์ อย่างเช่น ลูฟี่มีพลังยางยืด โรบินมีพลังแตกหน่อ เป็นต้น


-โซออน - สายที่ใช้พลังของสัตว์ นอกจากนั้นยังเปลี่ยนรูปร่างเป็นสัตว์นั้นๆได้อีกด้วย มีความดุร้ายป่าเถื่อนที่สุดในบรรดาผลปิศาจ และการฟื้นฟูของร่างกายผู้ใช้ขั้นสุดยอด ผู้ที่กินไปจะสามารถแปลงร่างได้ 3 ระดับคือ "ร่างคน ร่างกึ่งคน/กึ่งสัตว์ ร่างสัตว์" ผู้ที่กินก็คือ ลุจจิผลโซออนเสือดาว คาคุผลโซออนยีราฟ ปืนสุนัขรัคชู จาคา เปรู ชอปเปอร์ เป็นต้น




ล็อกโพส
(คะตะคานะ: ログポース, โระกุโพสุ, คันจิ: 記録指針, คิโระคุ ชินชิน หมายถึง เข็มทิศบันทึกการเดินทาง) เป็นเข็มทิศที่ใช้ในแกรนด์ไลน์ เนื่องจากสนามแม่เหล็กในแกรนด์ไลน์แตกต่างกันไปในแต่ละจุด ไม่เหมือนสนามแม่เหล็กโลกทั่วไป จึงต้องพึ่งล็อกโพสเป็นหลักในการเดินเรือในแกรนด์ไลน์ โดยล็อกโพสจำเป็นต้องทำการบันทึกสำหรับเดินทางไปเกาะต่อไปในช่วงเวลาที่อยู่ภายในเกาะนั้นๆ โดยระยะเวลาการบันทึกจะแตกต่างกันขึ้นอยู่กับเกาะ


เอเทอนอล โพส
เข็มทิศที่ล็อกเป้าหมายของเกาะอย่างเฉพาะเจาะจงเป็นเกาะๆไป


ออลบลู
(ญี่ปุ่น: オールブルー Ōruburū , All blue ?) เป็นชื่อทะเลในตำนานที่เชื่อว่าทะเลที่มีปลาทุกชนิดในโลกรวมอยู่ในที่เดียวกัน โดยเกิดจากการบรรจบกันของทะเลนอร์ทบลู อีสท์บลู เวสท์บลู และเซาท์บลู โดยมีความเชื่อว่าอยู่ในแกรนด์ไลน์ ออลบลูเป็นสถานที่ในความฝันของซันจิและเชฟขาแดง และเป็นจุดเชื่อมโยงความสัมพันธ์ของคนสองคนนี้


D
เป็นส่วนสำคัญที่สุดตั้งแต่เริ่มต้นถึงบทอวสาน จากที่เปิดเผยมาก็มีตอนเกาะแห่งท้องฟ้าและจากตอนโอฮารา ที่ดอกเตอร์โครบาได้ให้ความเห็นไว้ว่า ในอดีต มีอาณาจักรหนึ่ง เป็นอาณาจักรที่มีอารยธรรมเจริญรุ่งเรืองไร้ผู้ใดจะมาเทียบเคียง (ความเห็นของผู้เขียน อาจมีความเป็นไปได้ว่า ผู้คนในอาณาจักรนี้ ใช้ตัว D เป็นอักษรตัวกลางของชื่อ) ดอกเตอร์โครบาว่า ต่อมาได้มีศัตรูร้ายกาจ ที่ชื่อ ฟลามิงโก้ (ชื่อที่สมมุติขึ้น) เข้าช่วงชิงและทำลายอาณาจักรนี้จนพินาศย่อยยับ ผู้คนของที่นี่จึงสลักจดหมายเหตุลงใน หินที่แข็งแกร่งที่เรียกว่า "โพเนกลีฟ"
แล้วส่งมันกระจายไปทั่วโลก เพื่อให้ลูกหลานที่มีชื่อกลางว่า D ได้รับรู้เหตุการณ์นั้นในอนาคต








ขอบคุณพิเศษ วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

ข้าชื่อโคทาโร่!コータローまかりとおる!





ข้าชื่อโคทาโร่! ( コータローまかりとおる! Kotaro Makaritoru! ?) เป็นการ์ตูนญี่ปุ่น แนวโชเน็น เขียนโดยทัชซึยะ ฮิรุตะ เริ่มลงตีพิมพ์กับสำนักพิมพ์โคดันฉะ ในโชเน็นแม็กกาซีน เมื่อปีพ.ศ.2525-2537 มีฉบับรวมเล่มออกมา 59 เล่ม และในปี พ.ศ.2538-2544 มีฉบับรวมเล่มของซีรีส์ที่สอง Shin Kotaro Makaritoru! (Judohen) ออกมา 27 เล่ม และปีพ.ศ.2544-2547 มีฉบับรวมเล่ม Kotaro Makaritoru! L ออกมาจนถึงเล่ม 8 (ยังไม่จบ)


ส่วนในประเทศไทย สมัยก่อนเป็นยุคของการ์ตูนไร้ลิขสิทธิ์ สำนักพิมพ์ต่างๆมีการแข่งขันกัน ดังนั้นสำนักพิมพ์ที่ตีพิมพ์การ์ตูนเรื่องนี้จึงใช้ชื่อต่างกันออกไป เช่น สำนักพิมพ์หมึกจีนใช้ชื่อว่าโคทาโร่ ส่วนทางสำนักพิมพ์สยามอินเตอร์คอมิกส์ใช้ชื่อว่าโคทาโร่เช่นเดียวกัน และสำนักพิมพ์วิบูลย์กิจโดยใช้ชื่อว่าข้าชื่อโคทาโร่ ซึ่งตีพิมพ์ลงในนิตยสารเดอะซีโร่(The Zero) ต่อมาหลังจากปีพ.ศ.2531ได้ย้ายไปลงในนิตยสารAnimage Weekly ต่อมาทางเจ้าของลิขสิทธิ์ได้ออกมาสั่งห้ามสำนักพิมพ์ทุกสำนักพิมพ์ตีพิมพ์การ์ตูนที่ละเมิดลิขสิทธิ์ทุกเรื่อง

หลังจากที่เงียบหายไปนานถึง 5 เดือน เนื่องจากติดเรื่องลิขสิทธิ์ ทางสำนักพิมพ์วิบูลย์กิจจึงได้ลงตีพิมพ์อีกครั้งเพราะได้ตกลงซื้อลิขสิทธิ์มาอย่างถูกต้อง ในนิตยสารรายสัปดาห์ KC.Weekly ในปี 2536 โดยเป็นตอนต่อตอนจากญี่ปุ่น ปีเดียวกันในเดือนกันยายนก็ได้ทำการพิมพ์รวมเล่มออกมา ซึ่งเป็นปกหนาชั้นเดียว (ราคา 30 บาท) ต่อมาในปี 2538 ทางสำนักพิมพ์ก็ได้ฤกษ์ออกฉบับปกสองชั้น และพิมพ์เรื่อยมายาวนานจนถึงปี 2546 ก็ออกจนครบ ประกอบด้วย ซีรีส์ชุดที่1 ข้าชื่อโคทาโร่ 59 เล่ม ซีรีส์ชุดที่2 ข้าชื่อโคทาโร่ (ใหม่) ภาคยูโด 27 เล่ม และซีรีส์ชุดสุดท้าย ข้าชื่อโคทาโร่ ภาค L 8 เล่ม
เรียกได้ว่าการ์ตูนเรื่องข้าชื่อโคทาโร่ใช้เวลาในการออกยาวนานที่สุดตั้งแต่ยุคก่อนลิขสิทธิ์ ปัจจุบันทางสำนักพิมพ์ได้มีการพิมพ์ซ่อม แต่ออกมาได้แค่ครึ่งๆ กลางๆ ค้างอยู่เล่มที่ 13 และไม่มีการตีพิมพ์ออกมาอีก ข้าชื่อโคทาโร่จึงเป็นการ์ตูนที่หาเก็บสะสมได้ยากมาก

ตัวละครหลัก
ชินโด โคทาโร่ (新堂 功太郎 Shindo Kotaro) ตัวเอกของเรื่อง เขามีผมสีดำยาว มีนิสัยกะล่อน และลามก เขาเป็นอัจฉริยะในด้านการต่อสู้แต่ขาดสามัญสำนึกแต่เขาก็ยังมีความยุติธรรม เขามักจะสร้างปัญหาให้กับกรรมการนักเรียน และพยายามที่จะขโมยกางเกงในของนักเรียนหญิง โดยเฉพาะของมายูมิ
วาตาเสะ มายูมิ (渡瀬 麻由美 Watase Mayumi) เพื่อนสมัยเด็กของโคทาโร่ และเป็นกรรมการนักเรียน เธอเป็นคนเดียวที่สามารถปราบโคทาโร่ได้ โคทาโร่มักจะสร้งเรื่องให้เธอปวดหัวเสมอ
เท็นโคจิ เทรุฮิโกะ (天光寺 輝彦 Tenkoji Teruhiko) คู่แข่งคนสำคัญ และเพื่อนที่ดีที่สุดของโคทาโร่ เขาเป็นซามุไรที่ไม่มีผม(โกนผม) เขามักจะถูกโคทาโร่เรียกว่า "เจ้าโล้น" "เจ้าโกร๋น"




.............ตัวละครเสริม
อินุโมริ เคียวชิโร่ (稲森 狂死郎 Inemori Kyoshiro) เป็นอาจารย์สอนคาราเต้ที่โรงฝึกชินโด เป็นคนที่เลี้ยงดูโคทาโร่มา และเสมือนพี่ชายของโคทาโร่ มีนิสัยเหมือนโคทาโร่
คินซารางิ เคนจิ (如月 剣次 Kinsaragi Kenji) เชี่ยวชาญในเรื่องกังฟู เป็นโรคไม่ถูกกับผู้หญิง(เลือดกำเดาจะไหลเมื่ออยู่ใกล้) แอบชอบมายูมิ ใครๆก็เรียก "โยชิมิจัง"
อุชิโรโนะ โมโมทาโร (後 百太郎 Ushirono Momotaro) รองหัวหน้าชมรมเชียร์
ชิคาโตะ เท็นเซ็น (鹿斗 典善 Shikato Tenzen) ชายชราผู้เป็นหัวหน้าชมรมเชียร์ แก่แล้วยังเรียนไม่จบสักที เป็นคนที่แข็งแกร่งมาก ลามกพอๆกับโคทาโร่ และยังเป็นอาจารย์ให้กับโคทาโร่ นอกจากนั้นเขายังรวยมากอีกด้วย
วาตาเซะ ไทโซ (渡瀬 大造 Watase Taizo) พ่อของมายูมิ เป็นอธิบดีกรมตำรวจ




Kōtarō Shindō - ผู้เชี่ยวชาญด้านคาราเต้วัยสูงวัยที่สืบเชื้อสายมาจากสายเลือดนินจา  เขาใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับเจ้าหน้าที่ของโรงเรียนและพยายามขโมยกางเกงของสาว ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งมายูมิ เขาปกป้องสามสิ่ง: ผมยาวคอลเลกชันกางเกงและ Mayumi

ขอบคุณพิเศษวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

อิคคิวซังเณรน้อยเจ้าปัญญา




เณรน้อยเจ้าปัญญา (ญี่ปุ่น: 一休さん Ikkyusan ?) เป็นการ์ตูนญี่ปุ่นเรื่องราวเกี่ยวกับ อิคคิว เณรในนิกายเซนที่มีปัญญาฉลาดหลักแหลม ตัวละครอิคคิวมาจากพระนิกายเซนชื่อ อิคคิว โซจุน ที่มีชีวิตในช่วง ค.ศ. 1394–1481





เรื่องย่อ....

แต่ละตอนจะเกิดปัญหาต่างๆ ที่มาจากเพื่อนเณรในวัดอังโคะคุ (ญี่ปุ่น: 安国寺 Ankokuji ?) คือ ชูเน็นซัง จินเน็นซัง เท็ซไซซัง และเทะสึไบซัง หรือที่โชกุนอาชิคางะ โยชิมิสึ กับคิเคียวยะซัง เจ้าของร้านขายของชำในละแวกวัด ร่วมกับลูกสาว ทั้งจากวิธีที่ตั้งใจกลั่นแกล้งเล่นๆ(อำ) คำถามทดลองเชาว์ปัญญา เหตุสุดวิสัย หรืออื่นๆ แต่อิคคิวก็ใช้วิธีการนั่งสมาธิเพื่อให้เกิดปัญญา และแก้ไขสถานการณ์ไปได้ทุกครั้ง โดยก่อนจะนั่งสมาธิ อิคคิวซังจะมีคำพูดประจำว่า ใช้’หมอง นั่ง’มาธิ และโชกุนก็ยังสั่งการให้ซามูไรชินเอมอน ซึ่งเป็นผู้ตรวจการ เฝ้าติดตามอิคคิวซังไปทุกที่ ราวกับเป็นองครักษ์ส่วนตัว โดยอิคคิวซัง เพื่อนเณร และซาโยจัง เด็กหญิงที่อาศัยอยู่บริเวณวัด จะเรียกว่า ชินเอมอนซัง




ที่มาที่ไปของเนื้อเรื่อง เณรน้อยเจ้าปัญญา อ้างอิงถึงประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น โดยย้อนกลับไปในช่วงยุคเฮอัง ใน ค.ศ. 794 จักรพรรดิญี่ปุ่น ได้จัดให้มีโชกุน เป็นตำแหน่งของนายทหารใหญ่ ปฏิบัติหน้าที่เป็นอำมาตย์ใหญ่ช่วยในการปกครองประเทศ แต่ต่อมา ในยุคคะมะกุระ จักรพรรดิกลับดูเหมือนเป็นเพียงหุ่นเชิดของโชกุน ใน ค.ศ. 1333 จึงมีการฟื้นฟูระบบจักรพรรดิ ทำให้จักรพรรดิกลับมามีอำนาจอีกครั้ง แต่ใน ค.ศ. 1336 ก็เข้าสู่ยุคมุโระมะจิ นายทหารเข้าปราบปรามชนชั้นปกครอง แล้วก่อตั้งรัฐบาลโชกุน ขึ้นปกครองประเทศในรูปแบบเผด็จการทหารตั้งแต่บัดนั้นจนกระทั่ง ค.ศ. 1868 เมื่อเข้าสู่ยุคเมจิ ตำแหน่งโชกุนถูกยกเลิก จักรพรรดิมีอำนาจในฐานะประมุขอีกครั้ง
การ์ตูนเรื่องนี้ กล่าวถึงเหตุการณ์ในช่วงต้นของยุคมุโระมะจิ หลังจากตั้งรัฐบาลโชกุนขึ้นแล้ว โชกุนโยชิมิทสึ ต้องการความมั่นคงในอำนาจ จึงออกคำสั่งให้โอรสของพระจักรพรรดิองค์ก่อนไปเข้าพิธีบวชตลอดชีวิต (แต่พระอิกคิวตัวจริง บวชเพราะเป็นพระราชโอรสของพระมเหสีนอกสมรสของจักรพรรดิ และถูกพระมเหสีจากราชสำนักกลั่นแกล้ง) เชงกิโกมารุ พระราชโอรสจึงต้องไปบวชเณรขณะที่ยังเล็ก โดยได้รับสมญาว่า อิกคิว แต่ด้วยจิตใจที่บริสุทธิ์ จึงไม่มีความเคียดแค้นโชกุน (ซึ่งได้ชิงอำนาจจักรพรรดิอันชอบธรรมไปจากอิคคิว) นอกจากนี้โชกุนโยชิมิทสึและอิกคิวยังเป็นมิตรที่ดีต่อกันในเวลาต่อมาด้วย
ตัวละคร....






วัดอังโกะคุ
อิคคิว (一休 Ikkyuu ?) หรือ อิคคิวซัง เณรแห่งวัดอังโคะคุ มีอายุพรรษาน้อยที่สุดและถูกขนานนามว่าเป็น เณรน้อยเจ้าปัญญา (聡明な小坊主 soumeina kobouzu ?) ชื่อในวัยเด็กคือ เซ็งงิคุมารุ (千菊丸 ?) เป็นผู้รักความถูกต้อง และด้วยความฉลาดทำให้มีคนอยากจะมาประลองปัญญาโดยถามปัญหากับอิคคิวซังบ่อยครั้ง



ซาโยจัง (さよちゃん Sayochan ?) เพื่อนสนิทของอิคคิวซัง เป็นเด็กที่อาศัยอยู่หลังวัดกับปู่เพียงสองคนเพราะเสียพ่อและแม่ไปตั้งแต่หล่อนยังเด็กๆ มีหวีซึ่งเป็นของแม่ของเธอไว้ดูต่างหน้า และชอบมาเล่นภายในวัดกับอิคคิวซังบ่อยครั้ง มีนิสัยขี้งอนในบางครั้ง มีสัตว์เลี้ยงเป็นลูกแมว ชื่อ ทามะ


เจ้าอาวาสไกคัง ( 外観和尚 Gaikan Oshou ?) เจ้าอาวาสวัดอังโกะคุ เป็นคนที่เข้มงวดกับเหล่าเณร และเป็นคนที่ดูอบอุ่นและอ่อนโยน โชกุนชอบเรียกไปปราบพร้อมกับอิคคิวซังบ่อยครั้ง


ชูเน็น ( 秀念 Shuunen ?) เป็นเณรที่แก่ที่สุดในวัดอังโกะคุ และเป็นศิษย์ผู้พี่ของเณรทั้งหลาย แอบชอบ ยาโยย คิเคียวยะ อยู่

เท็ซไซ ( 哲斉 Tessai ?) เป็นเณรแห่งวัดอังโกะคุ เดิมที่เป็นทหารของฝ่ายตรงข้ามที่ปรปักษ์กับโชกุนโยชิมิทสึ


จินเน็น ( 珍念 Chinnen ?) เป็นเณรแห่งวัดอังโกะคุ รูปร่างอ้วนเพราะกินเยอะ


เทะสึไบ ( 哲梅 Tetsubai ?) เณรแห่งวัดอังโกะคุ มีรูปร่างหน้าตาเป็นที่สะดุดตาและมีนิสัยเงียบขรึม


โมะคุเน็น (黙念 Mokunen ?) เณรแห่งวัดอังโคคุ มีส่วนสูงพอๆกันกับอิคคิวซัง


โกซาคุ ( 吾作 Gosaku ?) ปู่ของซาโย อาศัยอยู่ในบ้านหลังวัดอังโกคุ มีฐานะยากจน และเป็นยอดฝีมือในการปลูกหัวไชเท้า


วังของโชกุน....
ท่านโชกุน ( 将軍さま Shougunsama ?)
นินะงะวะ ชินเอมอน ( 蜷川新右衛門 Ninagawa Shinemon ?)


ร้านคิเคียวยะ.....
ริเฮ คิเคียวยะ ( 桔梗屋利兵エ Kikyouya Rihei ?)


ยาโยย คิเคียวยะ ( 桔梗屋弥生 Kikyoya Yayoi ?)


ตัวละครอื่นๆ.....
เจ้าหญิงสุเอะ ( 末姫 Suehime ?)


ทสึโบะเนะ อิโยะโนะ ( 伊予の局 Iyono tsubone ?) แม่ของอิคคิวซัง


ทามะ แมวของซาโยจัง


เพลง

เพลงเริ่ม - ทนจินกันจินอิคคิวซัง (とんちんかんちん一休さん Tonchinkanchin Ikkyusan ?)

เพลงจบ - ฮะฮะอุเอะซะมะ ( ははうえさま Hahauesama ท่านแม่ ?)

ขอบคุณพิเศษ วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี